Tesla รู้จัก รถเทสล่า กับเทคโนโลยีที่มากับความหรู

รถยนต์ tesla รู้จัก รถเทสล่า กับเทคโนโลยีที่มากับความหรู เมื่อพูดถึง Tesla ราคา เป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาในกระแสเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV เสมอ ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทุกวันในตลาดรถยนต์ไทยและต่างประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ของราคาน้ำมันรถที่พุ่งสูงขึ้น ประวัติของรถยนต์ไฟฟ้า  ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม แบรนด์อย่างเทสล่ากลายเป็นหนึ่งในชื่อที่ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกที่เริ่มบุกเบิกเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยมาพร้อมภาพลักษณ์ของยานยนต์สุดหรูที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย กลายเป็นหนึ่งใน ของเล่นคนรวย ที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันจะได้ครอบครองสักครั้ง tesla z

ล่าสุด ทาง เทสล่า มอเตอร์ ได้เพิ่งเข้ามาจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในประเทศไทยในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ สำหรับ Tesla ที่ถือได้ว่าเป็นผู้นำในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีความเป็นมาอย่างไร แล้วรถ Tesla ราคาเท่าไหร่บ้าง และมีรุ่นไหนที่น่าสนใจ ในวันนี้ CARSOME จะพาไปทำความรู้จักกับ Tesla กันให้มากขึ้น รถ EV

ประวัติของเทสล่า (Tesla)

tesla เป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาดสัญชาติอเมริกัน ตั้งอยู่ใน Palo Alto (แพโล แอลโต) รัฐแคลิฟอร์เนีย เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 เดือนกรกฎาคม ปี 2003 โดยวิศวกรชาวอเมริกัน มาร์ติน อีเบอร์ฮาร์ด (Martin Eberhard) และ มาร์ก ทาร์เพนนิง (Marc Tarpenning) ซึ่งในตอนนั้นใช้ชื่อว่า เทสล่า มอเตอร์ (Tesla Motors) โดยชื่อนี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ นิโคลา เทสล่า (Nikola Tesla) นักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ วิศวกรเครื่องกล และวิศวกรไฟฟ้า ซึ่งเป็นชาวเซอร์เบีย

สำหรับผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทนั้น ได้แก่ เอียน ไรท์ (Ian Wright), อีลอน มัสก์ (Elon Musk) CEO ของ X หรือชื่อเก่า Twitter ในปัจจุบัน และ เจบี สเตราเบล (J. B. Straubel) ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เนื่องจากทั้งสามคนนี้ได้มีการระดมทุนจาก Series A ให้กับเทสล่าได้ถึง 7.5 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2004  และ อีลอน มัสก์ บริจาคเงินเพิ่มอีก 6.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำให้ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) กลายเป็นประธานบริษัท และได้แต่งตั้ง มาร์ติน อีเบอร์ฮาร์ด (Martin Eberhard) เป็น CEO ของ เทสล่า (Tesla) tesla z

ด้วยความต้องการที่จะให้ เทสล่า (Tesla) เป็นผู้ผลิตรถยนต์ และเป็นบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยี โดยมีแบตเตอรี่ ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ และมอเตอร์ เป็นเทคโนโลยีหลัก พวกเขาจึงได้นำเอา tZERO ที่เป็นรถสปอร์ตไฟฟ้าแฮนด์เมด ซึ่งออกแบบและสร้างขึ้นในจำนวนจำกัดโดยบริษัท AC Propulsion ของสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปี 2000 มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างรถยนต์ Roadster ที่เป็นรถสปอร์ตไฟฟ้าระดับไฮเอนด์คันแรกของเทสล่าด้วย ประวัติของรถยนต์ไฟฟ้า

Tesla ราคา และรุ่นที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน

หลังจากได้ทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมาของ Tesla มากขึ้นไปแล้ว ทีนี้เรามาทำความรู้จักกับรถยนต์ Tesla แต่ละรุ่นดีกว่าค่ะว่าแบรนด์ Tesla จำหน่ายรถยนต์รุ่นไหนบ้าง แต่ละรุ่นมีจุดเด่นแบบไหน และ Tesla ราคา แต่ละรุ่นจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ เรามาดูกัน

1. Tesla ราคา Model S

Tesla Model S เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่มีการจำหน่ายในวงกว้าง ซึ่งมีส่วนต่อการเปลี่ยนภาพของรถยนต์ไฟฟ้าต่อมุมมองคนทั่วไปในแง่ของการใช้งานจริงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยรุ่นนี้นั้นเป็นรถยนต์ระบบไฟฟ้าล้วนแบบซีดาน 5 ประตู หรือที่เรียกว่า liftback เปิดตัวในครั้งแรกเมื่อปี 2012 ซึ่งเวอร์ชั่นแรก ๆ นั้นจะยังไม่สามารถเดินทางได้ไกลนัก สำหรับเวอร์ชั่นล่าสุด Tesla Model S 2021 ได้ถูกพัฒนาสมรรถนะขึ้นมา โดยสำหรับในรุ่นท็อป Plaid และ Plaid+ ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังสูงสุดถึง 1,020 แรงม้า และ Tesla ระบุว่า สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลาต่ำกว่า 2 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมถึงเดินทางได้เกิน 800 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 รอบ รถ EV

Tesla Model S เริ่มต้นประมาณ 4,900,000 บาท
2. Tesla ราคา Model 3

Tesla Model 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ sedan 4 ประตู ในสไตล์แบบ fastback โดยจำหน่ายเป็นครั้งแรกในช่วงกลางปี 2017 ก่อนจะขึ้นแท่นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลกด้วยสถิติ 800,000 คัน จนถึงปี 2020 tesla z

สำหรับเวอร์ชั่นปัจจุบันนี้ Tesla Model 3 2023 มีสมรรถนะขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ทำงานแบบอิสระ รุ่นสแตนดาร์ดสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 3.1 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เดินทางได้ไกลถึง 420 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 รอบ และยังมาพร้อมกับอุปกรณ์สำหรับระบบช่วยขับอัตโนมัติที่จะมีการอัปเกรดได้ในอนาคตด้วย

Tesla Model 3 เริ่มต้นประมาณ 1,599,000 บาท

รถ EV สำหรับ Tesla Model X เป็นรถยนต์ไฟฟ้า crossover ขนาดกลาง (mid-size) มีการเริ่มจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งหนึ่งในความโดดเด่นของรุ่นนี้คือประตูด้านหลังที่เปิด-ปิดในลักษณะของปีกนก (falcon-wing doors)

โดย Tesla Model X เวอร์ชั่นปัจจุบันปี 2021 มีการปรับดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน และคงไว้ด้วยสมรรถนะสุดยอด จึงทำให้ได้ชื่อว่าเป็นรถ SUV ที่เร็วที่สุดในโลก โดยในรุ่นท็อป Plaid ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ส่งกำลังสูงสุด 1,020 แรงม้า ทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 2.5 วินาที และเดินทางได้มากกว่า 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 รอบ

Tesla Model X เริ่มต้นประมาณ 3,900,000 บาท tesla z

4. Tesla Model Y

Tesla Model Y เป็นรถยนต์ไฟฟ้า Compact Crossover SUV เริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2020 มีการพัฒนาโดยใช้แพลตฟอร์มของ Tesla Model 3 รวมถึงใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นแบบเดียวกันถึง 75 เปอร์เซ็นต์ รถ EV

สำหรับระบบขับเคลื่อนของ Tesla Model Y มีทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.4 วินาที เดินทางได้ไกลกว่า 520 กิโลเมตร ในการชาร์จแบตเตอรี่ 1 รอบ

Tesla Model Y ราคา เริ่มต้นประมาณ 2,000,000 บาท
Tesla ราคา อย่างเป็นทางการ
ล่าสุดทาง Tesla Thailand Official ได้ออกมาประกาศลดราคาจำหน่ายของตัว Tesla Model 3 รุ่นปรับโฉม 2024 ทั้งหมด 2 รุ่นย่อย และ Model Y ทั้งหมด 3 รุ่นย่อย เพื่อการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบัน ประกอบด้วยราคาแต่ละรุ่นดังต่อไปนี้ ประวัติของรถยนต์ไฟฟ้า

Tesla ราคา แพงเพราะอะไร?

ถึงแม้จะลดราคาแล้ว แต่รถยนต์เทสล่าก็ยังนับว่า มีราคาแพงแม้ว่าจะมีเครดิตภาษีรวมอยู่ด้วยก็ตาม เนื่องจากความต้องการที่ค่อนข้างสูงในท้องตลาด ทำให้ Tesla สามารถทำราคาได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป นอกจากนั้น Tesla ยังมีต้นทุนชุดแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่จ่ายไฟเพื่อเป็นพลังงานขับเคลื่อนรถยนต์ที่ผลิต โดย Tesla เลือกใช้ชุดแบตเตอรี่ที่มีกำลังสูง ทำให้ถึงแม้ว่า ต้นทุนของเทคโนโลยีแบตเตอรี่และประสิทธิภาพการใช้พลังงานจะทำราคาได้ดีขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังคงมีราคาแพงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอย่างมาก ทำให้ Tesla มีราคาสูงกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไปนั่นเอง

ภาษีรถยนต์ไฟฟ้าในไทย

1. ภาษีรถยนต์เครื่องยนต์ไฮบริด (Hybrid)
หากเป็นรถยนต์นั่งเครื่องยนต์ต่ำกว่า 3,000 ซีซี เสียภาษี 8% แต่จะเสียเพียง 4% จนถึงปี 2568 และหากเครื่องยนต์มากกว่า 3,000 ซีซี จะเสียภาษี 16-26% ตามปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ระหว่างนี้จนถึงปี 2568 กรมสรรพาสามิตลดาภาษีให้ 50% ประวัติของรถยนต์ไฟฟ้า

บทความแนะนำ